ความเป็นมาจีน ประวัติศาสตร์ชาวจีน มีความเป็นมาอย่างไร?
ความเป็นมาจีน เมื่อพูดถึง ประเทศจีน นับว่าเป็น ประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีทั้งดินแดนที่กว้างใหญ่ อารยธรรมโบราณ ที่เป็นเอกลักษณ์ ประเทศจีนมีชื่อเรียก อย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งยังมีประชากร มากถึง 1.3 พันล้านคนเลยทีเดียว ทั้งยังแบ่งการปกครอง ออกเป็น 23 มณฑล 5 เขตปกครองตนเอง 4 เทศบาลนคร อันประกอบไปด้วย ปักกิ่ง เทียนจิน เซี่ยงไฮ้ และฉงชิ่ง
เราจะมาพูดถึง อารยธรรมจีน ที่มีมาตั้งแต่โบราณ จัดว่าเป็น อารยธรรมยุคแรกของโลกเลยก็ว่าได้ มีความเจริญรุ่งเรือง มาตั้งแต่ในครั้งอดีต ประเทศจีนในยุคนั้น ยึดถือเอา ระบบการเมือง การปกครองแบบราชาธิปไตย มาอย่างยาวนานหลายสหัสวรรษ
จนกระทั่งในปี ค.ศ.1912 เป็นช่วงสุดท้าย ของราชวงษ์ชิง หลังจากที่มีการ สลพราชสมบัติ ก็ได้มีการสถาปณาให้จีน กลายเป็นสาธารณรัฐจีน ถายใต้การนำของ พรรคมิมก๊ก ซึ่งเป็นพรรคชาตินิยมของจีน และในช่วงนั้น ก็มีการเกิดความแตกแยก
ไม่ลงรอยกัน จนก่อให้เกิด สงครามกลางเมือง ระหว่างฝ่ายคอมมิวนิสต์ ความเป็นมาอเมริกา และฝ่ายก๊กมินตั๋ง และได้มีการย้ายเมืองหลวงไปยัง ไทเปซึ่งตั้งอยู่บนเกาะไต้หวัน นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้น ของความเกี่ยวข้องทางการเมือง ระหว่างสาธารณรัฐจีน กับไต้หวันนั่นเอง
ความเป็นมาจีน ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของจีน มีความโดดเด่นแค่ไหน?
ต้องบอกเลยว่า นอกจากจะเป็นประเทศ ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว จีนยังมีพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ ที่มีอาณาเขต ติดต่อหลากหลายประเทศด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ประเทศเวียดนาม ลาว พม่า อินเดีย ภูฏาน เนปาล ปากีสถาน อัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน คีร์กีซสถาน
คาซัคสถาน รัสเซีย มองโกเลีย และเกาหลีเหนือ ซึ่งรวมๆแล้ว ก็ร่วมๆกว่า 14 ประเทศเลยทีเดียว อีกทั้งประเทศจีนยังคงมี พรมแดนหรืายแดน ที่อยู่ในพื้นที่ทางบก รวมเป็นระยะทางถึง 22,117 กิโลเมตร และถูกบันทึกไว้ว่า เป็นระยะพรมแดนที่ยาว และไกลที่สุดในโลก
ไม่เพียงเท่านั้น ประเทศจีนยังมีพื้นที่ที่เป็นพื้นดิน หรือทางบกราวๆ 906 ล้านตารางกิโลเมตร ซึ่งได้รับการจัดอันดับ ว่ามากเป็นอันดับที่ 2 ของโลก และมีพื้นที่ ที่ใหญ่ที่สุดอย่างที่ทุกๆท่าน ได้ทราบกันดีอยู่แล้ว เมื่อว่ากันด้วยเรื่องของประชากร
จีนก็มีประชากรที่อาศัยอยู่ ทั่วทุกพื้นที่ ของภูมิภาคต่างๆ มีชาติพันธุ์ที่หลากหลาย ซึ่งก็มีภาษาที่ใช้ในการสื่อสาร ที่แตกต่างกันออกไป ทางตอนใต้ของจีนนั้น จะมีลักษณะเป็นหุบเขา และแนวเทือดเขาเป็นจำนวนมาก แม่น้ำสายสำคัญๆก็จะประกอบไปด้วย
แม่น้ำหวง และแม่น้ำแยงซี สองสายนี้จะเป็น แม่น้ำที่เป็นหัวใจสำคัญต่อพี่น้องชาวจีน ส่วนแม่น้ำสายอื่น ไม่ว่าจะเป็น แม่น้ำซี แม่น้ำโขง แม่น้ำพรหมบุตร และแม่น้ำอามูร์ แน่นอนว่าอีกหนึ่งสถานที่ทาง ภูมิศาสตร์ประเทศจีน ที่เราไม่พูดถึงไม่ได้เลย
นั่นก็คือ เมือกเขาหิมาลัย ซึ่งเป็นเทือกเขาสำคัญ เพราะมีจุดที่สูงที่สุด เป็นหนึ่งในครึ่งฝั่งตะวันออก ของเทือกเขาเอเวอร์เรสต์นั่นเอง
ความเป็นมาจีน ว่าด้วยเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ จะน่าสนใจเพียงใด?
เมื่อพูดถึงประเทศจีน ทุกๆท่านจะนึกถึงอะไร? จริงๆแล้วก็อาจจะมีหลายอย่าง แต่ทางด้านของ ความหลากหลายทางชีวภาพแล้วนั้น สัตว์ที่เป็นดั่ง สัญลักษณ์สำคัญของจีน นั่นก็คือ “แพนด้า” หรือแพนด้ายักษ์ สัตว์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และจบเฉพาะในบริเวณแถบ
แม่น้ำแยงซี เป็นสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ จีนได้นำเอาแพนด้าเหล่านี้ ส่งไปยังประเทศต่างๆ เพื่อเปรียบเสมือน เป็นการสานความสัมพันธุ์ระหว่างจีน และประเทศนั้นๆ ซึ่งประเทศไทย ก็มีแพนด้าที่ถูกส่งมาจากจีน ทุกคนน่าจะรู้จักกับ ช่วงช่วง หลินฮุ่ย และหลินปิง
แพนด้าที่อาศัย ณ สวนสัตว์เชียงใหม่ กันเป็นอย่างดี มาต่อกันที่ สัตว์ชนิดอื่นๆอย่าง แมวดาว ตุ่นพงสาลี กระแต ไปจนถึงลิง และเอปหลากหลายสปีชีส์ ประเทศจีนมีป่าที่หลายประเภท แบ่งออกไปตามลักษณะ ภูมิประเทศจีน อย่างทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของจีน
ก็จะเป๋นป่าแบบ ป่าสน มีภูเขา และเป็นเขตที่มีอากาศหนาว เป็นที่อยู่อาศัยของ สัตว์จำพวก กวางมูส หมีดำเอเชีย และนกอีกกว่า 120 ชนิดกันเลยทีเดียว เนื่องจากทั้งธรรมชาติ และสิ่งมีชีวิตที่หลากหลาย อย่างน่าอัศจรรย์ใจ จึงทำให้ ประเทศจีนมีกฎหมาย ที่ว่าด้วยเรื่องการคุ้มครองสัตว์ และสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดนั่นเอง
อีกหนึ่งข้อมูลพื้นฐานของพี่น้องชาวจีน ที่หลายท่านอาจจะยังไม่รู้
ว่าด้วยเรื่องของ ธงชาติจีน เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ ที่แสดงออกถึง ความเป็นจีนได้ดีที่สุด ธงชาติจีนจะประกอบไปด้วย รูปดาวทั้งหมด 5 ดวง ซึ่งเป็นดาวสีเหลือง ปรากฎอยู่บนธงพื้นหลังสีแดงทั้งผืน จะมีดาวดวงใหญ่ 1 ดวง และมีดาวดวงเล็กอยู่ด้วยกัน 4 ดวง
ความหมายของธงนี้ก็คือ ชนชั้นของชาวจีน อันประกอบไปด้วย ชนชั้นมังกร ชนชั้นชาวนา ชนชั้นนายทุนน้อย และชนชั้นนายทุนแห่งชาติ ทั้งหมดทั้งมวลก็คือ การรวมเอาทุกชนชั้น มาแสดงให้เห็นถึง เอกภาพของชาวจีน ซึ่งจะอยู่ภายใต้แกนนำ ของพรรคคอมมิวนิสต์ วันชาติจีน จึงจัดขึ้น ในทุกๆวันที่ 1 ตุลาคม ของทุกปีนั่นเอง
รู้หรือไม่ ว่าชาวจีนที่อพยพเข้ามาในประเทศไทย มีความเป็นมาอย่างไร
หลายๆท่านอาจจะสงสัยว่า ชาวจีนในประเทศไทย มีการอพยพ และมาตั้งถิ่นฐาน ที่ล้านเราได้อย่างไร และมาในช่วงไหน วันนี้เรามีคำตอบ เราจะมาทำการ เปิดประวัติศาสตร์ ในช่วงที่จีนเข้ามาตอนเริ่มแรก มาดูกันว่าจะมีความน่าสนใจแค่ไหน เริ่มตั้งแต่ชาวจีน
ที่อยู่ทางตอนใต้ ได้แก่ มณฑลกวางตุ้ง ฮกเกี้ยน และไหหลำ ชาวจีนเหล่านี้ได้แก่ชาวจีนกวางตุ้ง ชาวจีนแคะ (ฮากกา) ชาวจีนแต้จิ๋ว ชาวจีนฮกเกี้ยน และชาวจีนไหหลำ จัดว่าเป็น 5 กลุ่มใหญ่ ซึ่งมีภาษาที่แตกต่างกัน พากันอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในไทย
จนก่อให้เกิด ศาลเจ้า การรวมกลุ่ม รวมตัวกัน เกิดสมาคมชาวจีนขึ้น และโรงเรียนจีนในที่สุด ส่วนสาเหตุที่ชาวจีนกลุ่มนี้ ได้พากันอพยพมา ก็เป็นเพราะว่า เหตุการณ์ความไม่สงบ ที่เกิดขึ้นภายในประเทศจีน ได้ทวีวามรุนแรง จนประชาชนถึงขั้น อดๆอย่ากๆ
ไม่สามารถที่จะติดต่อค้าขาย หรือทำมาหากินได้นั่นเอง จึงเป็นเหตุผลให้กลุ่มคนจีนดังกล่าว มุ่งหน้าจากแผ่นดินใหญ่ ออกสู่ทะเล เมื่อหาประเทศพักพิง และเพื่อลงหลักปักฐานค้าขาย จึงทำให้เราเห็นว่า ชาวจีนส่วนใหญ่ มักจะมีอาชีพค้าขาย และเริ่มที่จะมีการ
นำเอาวัฒนธรรมของจีน มาผสมผสานกับวัฒนธรรมไทยในหลายๆส่วน ทั้งอาหารหารกิน เครื่องแต่งกายก็ดี อีกทั้งยังมีในเรื่องของ ความเชื่อและศาสนา ที่เข้ามาอีกด้วย