ยุคประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์สำคัญ ประวัติศาสตร์ของโลก
ยุคประวัติศาสตร์ ก่อนที่เราจะมีปัจจุบัน เราก็ต้องมีอดีต ประวัติศาสตร์คือสิ่งสำคัญที่ทำให้เรามีเราถึงทุกวันนี้ ดังนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนไปเรียนรู้กับความหมายของคำว่า “ประวัติศาสตร์” ว่ามีความเป็นมาเเละมีความหมายว่าอย่างไรบ้าง เพื่อทำให้ผู้อ่านทุกท่านได้เข้าใจที่มาที่ไปของประโยคนี้ ประวัติศาสตร์คืออะไร คำว่า “ประวัติศาสตร์” คือ ประวัติศาสตร์ หมายถึง เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในอดีต และสิ่งที่มนุษย์ได้กระทำหรือสร้างแนวความคิดไว้ทั้งหมด
ประวัติศาสตร์ทั่วโลก รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดจากเจตจำนงของมนุษย์ ประวัติศาสตร์น่ารู้ ตลอดจนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรือธรรมชาติที่มีผลต่อมนุษยชาติประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์หมายถึง ได้แก่ เหตุการณ์ในอดีตที่นักประวัติศาสตร์ได้สืบสวนค้นคว้าแสวงหาหลักฐานมารวบรวมและเรียบเรียงขึ้น ประวัติศาสตร์มีความสาคัญ เนื่องจากเรื่องราวของมนุษย์ในอดีตมีขอบเขตกว้างขวาง และมีความสำคัญแตกต่างมากน้อยลดหลั่นกันไป นักวิทยาศาสตร์จึงหยิบยกขึ้นมาศึกษาเฉพาะแต่สิ่งที่ตนเห็นว่ามีความหมายและมีความสำคัญ ประวัติศาสตร์น่ารู้
นักประวัติศาสตร์คนแรก เฮรอดอตัสได้รับสมญาว่าเป็น “บิดาแห่งประวัติศาสตร์” เพราะเขาเป็นบุคคลแรกที่เห็นความสำคัญของเหตุการณ์ในอดีตว่า มีคุณค่าควรจดจำบันทึก ประวัติศาสตร์น่ารู้ และเขาได้ใช้วิธีการสืบค้นหาความจริงด้วยการเดินทางไปสอบสวยเรื่องราวต่างๆ จากแหล่งที่เชื่อถือได้ ตลอดจนพยายามค้นคว้าหาสาเหตุของเหตุการณ์ ด้วยการอธิบายถึงสภาพของดินแดนต่างๆ อย่างกว้างขวาง ประวัติศาสตร์มีความสาคัญ เพื่อนำไปสู่ความรู้ความเข้าใจในเรื่องราวที่เรียบเรียง จึงถือกันว่าเขาเป็นคนแรกที่เรียบเรียงเรื่องราวในอดีตในเชิงประวัติศาสตร์
แต่เมื่อไม่นานมานี้องค์กรการศึกษาวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ทั่วโลก และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโกได้เพิ่มอีก 1 ยุคสมัยคือยุคสมัยกึ่งก่อนประวัติศาสตร์เพื่ออยู่ระหว่างสมัยก่อนประวัติศาสตร์กับสมัยประวัติศาสตร์มีนิยามไว้ว่า “ช่วงที่สังคมมนุษย์ไม่รู้จักใช้ตัวอักษรต่างๆ ประวัติศาสตร์หมายถึง สามารถศึกษาเรื่องราวของมนุษย์ได้จากหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ชนต่างถิ่นบันทึกไว้ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรแยกได้ดังนี้ แหล่งข้อมูลปฐมภูมิ ได้แก่ เรื่องราวของเหตุการณืที่บันทึกไว้โดยผู้รู้เห็น หรือเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นโดยตรง แหล่งข้อมูลทุติยภูมิ ประวัติศาสตร์ทั่วโลก ได้แก่ บทความหรือรายงานของนักวิชาการทั้งในด้านประวัติศาสตร์
ยุคประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์คือ ประวัติศาสตร์มีอะไร
ประโยชน์ของประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์หมายถึง ช่วยสนองความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแทนการคาดเดา หรือความเชื่อถือที่ปราศจากหลักฐาน เป็นบันทึกประสบการณ์ของมนุษยชาติที่มีคุณค่าควรแก่การศึกษาเพื่อเป็นบทเรียน ประวัติศาสตร์ทั่วโลก ประวัติศาสตร์น่ารู้ ช่วยให้เกิดความรักความภาคภูมิใจในชาติ มีความตระหนักในคุณค่าของมรดกด้านต่างๆ ช่วยให้รู้จักและเข้าใจในเรื่องของโลก และเรื่องของเพื่อนมนุษยชาติที่กว้างขวางออกไป ฝึกให้คนรู้จักใช้เหตุผลในการพิจารณาเหตุการณ์ต่างๆ ช่วยในการทำนายอนาคต
ประวัติศาสตร์มีความสาคัญ ศึกษาประวัติศาสตร์เพื่อปัจจุบันและอนาคตการพัฒนาเศรษฐกิจแบบทุนนิยมอุตสาหกรรมที่เน้นการแข่งหาเงิน ทำให้คนมุ่งความสนใจศึกษาเรื่องวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการจัดการ จนลืมมองความสำคัญของวิชาศิลปศาสตร์ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ รวมทั้งวิชาประวัติศาสตร์ ครูสอนประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ ประวัติศาสตร์หมายถึง ได้ทำให้วิชาประวัติศาสตร์กลายเป็นเรื่องของตำนาน พงศาวดารที่มีแต่ชื่อเจ้าพระยามหากษัตริย์ และมีศักราชต่างๆ ที่ดูห่างไกลและน่าเบื่อหน่าย รวมทั้งทำให้ผู้เรียนมีทรรศนะผิดๆ ต่อวิชาประวัติศาสตร์ เช่น คิดว่าเป็นการศึกษาเฉพาะเรื่องราวในอดีตโบร่ำโบราณ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตที่เป็นจริงในปัจจุบัน ประวัติศาสตร์น่ารู้
ยุคประวัติศาสตร์ การศึกษาประวัติศาสตร์ นักประวัติศาสตร์
ยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์น่ารู้ ประวัติศาสตร์ที่ถูกสร้างขึ้น จุดเริ่มต้นของยุคสมัยทางประวัติศาสตร์ไม่สามารถจำกัดขอบเขตได้แน่นอนเหตุการณ์สำคัญใดที่เกิดขึ้น และมีผลกระทบต่อมนุษย์ถึงแม้จะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นมันก็ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ ในอดีตนั้นประวัติศาสตร์สามารถย้อมไปได้ไกลที่สุดคือเท่าที่นักประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์มีความสาคัญ และโบราณคดีสามารถสืบค้นเรื่องรายได้จากหลักฐานที่เกี่ยวข้องแต่ในปัจจุบันได้มีการค้นพบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ สามารถแบ่งยุคสมัยได้ดังนี้
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ คือช่วงเวลาที่คนในสังคมยัง ประวัติศาสตร์หมายถึง ไม่รู้จักตัวอักษรในการบันทึกเรื่องการศึกษาเรื่องราวสมัยก่อนประวัติศาสตร์อาศัยหลักฐานทางโบราณคดีธรณีวิทยา และมนุษย์วิทยาเป็นสำคัญ ประวัติศาสตร์ทั่วโลก สมัยก่อนประวัติศาสตร์สังคมมีลักษณะของกลุ่มคนขนาดเล็ก และยังไม่มีภาษาเขียน มีวิถีชีวิตคืออาศัยธรรมชาติดำรงชีพด้วยการล่าสัตว์เก็บของป่าเร่ร่อนไปตามแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ แต่ต่อมามีการพัฒนาเรื่อย ๆ เริ่มรู้จักการเพาะปลูกเลี้ยงสัตว์
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ คือช่วงเวลาที่ผู้คนในสังคมรู้จักการบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ เป็นลายลักษณ์อักษรโดยเริ่มต้นจากการประดิษฐ์ตัวอักษร และบันทึกไว้บนวัสดุต่าง ๆ เช่นแท่งหินแผ่นดินเผากระดูกสัตว์กระดาษผ้าไหมสมัยประวัติศาสตร์ของมนุษย์เริ่มต้นประมาณ 5500 ปีมาแล้วการศึกษาเรื่องราวสมัยประวัติศาสตร์ต้องอาศัยหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร และหลักฐานทางโบราณคดี และหลักฐานประเภทอื่นด้วยยุคสมัยกึ่งก่อนประวัติศาสตร์เพื่ออยู่ระหว่างสมัยก่อนประวัติศาสตร์กับสมัยประวัติศาสตร์มีนิยามไว้ว่า “ช่วงที่สังคมมนุษย์ไม่รู้จักใช้ตัวอักษรต่าง ๆ สามารถศึกษาเรื่องราวของมนุษย์ได้จากหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ชนต่างถิ่นบันทึกไว้” ประวัติศาสตร์มีความสาคัญ
ประวัติศาสตร์คือการศึกษาถึงเรื่องความสัมพันธ์และกิจกรรมของคนทั้งหมดในสังคม โดยเน้นในแง่ของการพัฒนาการและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในยุคสมัยต่างๆ ตั้งแต่อดีตเป็นร้อยเป็นพันปี ประวัติศาสตร์ทั่วโลก อดีตเมื่อปีที่แล้ว เดือนที่แล้ว นาทีที่แล้ว จนถึงปัจจุบัน ที่มีลักษณะเคลื่อนไหวต่อเนื่องกับเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปคำว่า ประวัติศาสตร์ ซึ่งเราแปลมาจาก History นั้น อ.ปรีดี พนมยงค์ เคยเสนอว่าควรจะแปลว่า “วิวรรตการ” เพื่อสะท้อนความหมายที่แท้จริงว่าเป็นการศึกษาเรื่องของสังคมในลักษณะพัฒนาการจากอดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งกินความถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย
ประวัติศาสตร์โลกpdf การแบ่งช่วงเวลาแบ่งออกเป็น 2 สมัย คือ
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์ยังไม่รู้จักการประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้ จึงยังไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เป็นลายลักษณ์อักษร ดังนั้น การศึกษาเรื่องราวของมนุษย์สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ปัจจุบันการกำหนดอายุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย ประวัติศาสตร์หมายถึง อาศัยพัฒนาการทางเทคโนโลยี แบบแผนการดำรงชีพและสังคม ยุคสมัยทางธรณีวิทยา นำมาใช้ร่วมกันในการกำหนดยุคสมัย โดยสามารถแบ่งยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์ได้ดังนี้ ยุคหินเริ่มเมื่อประมาณ 500,000 ถึง 4,000 ปี ล่วงมาแล้ว แบ่งเป็น 3 ยุคย่อย ดังนี้ ประวัติศาสตร์ยุคใหม่
1.ยุคหินเก่า (500,000 – 10,000 ปีมาแล้ว ) เป็นช่วงเวลาแรก ๆของมนุษยชาติ มนุษย์รู้จักใช้เครื่องมือขวานหินกะเทาะ ในระยะแรก เครื่องมือจะมีลักษณะหยาบ โดยนำหินกรวดแม่น้ำมากะเทาะเพียงด้านเดียวและไม่ได้กะเทาะหมดทั้งก้อน ใช้สำหรับขุดสับและสับตัด
2.ยุคหินกลาง (10,000 – 6,000 ปีมาแล้ว) เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์รู้จักทำเครื่องมือเครื่องใช้สำหรับล่าสัตว์ด้วยหินที่มีความประณีตมากขึ้นและมนุษย์ในยุคหินกลางเริ่มรู้จักการอยู่รวมกลุ่มเป็นสังคมมากขึ้น ยุคหินใหม่ (6,000 – 4,000 ปีมาแล้ว) เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์รู้จักทำเครื่องมือด้วยหินขัดเป็นมันเรียบ เรียกว่า ขวานหินขัด ใช้สำหรับตัดเฉือนแบบมีดหรือต่อด้ามเพื่อใช้เป็นเครื่องมือขุดหรือถาก มนุษย์ยุคหินใหม่มีความเจริญมากกว่ายุคก่อน ๆ รู้จักตั้งถิ่นฐานเป็นหลักแหล่ง รู้จักการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ ทำภาชนะดินเผา
3.ยุคโลหะ เป็นช่วงที่มนุษย์มีพัฒนาการด้านการทำเครื่องมือเครื่องใช้ โดยรู้จักการนำแร่ธาตุมาถลุงและหลอมใช้หล่อทำเป็นอาวุธหรือเครื่องมือและเครื่องประดับต่าง ๆ แบ่งสมัยได้ตามวัตถุของโลหะ คือ ยุคสำริด (4,000 – 2,500 ปีมาแล้ว) เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์รู้จักใช้โลหะสำริด(ทองแดงผสมดีบุก) ทำเครื่องมือเครื่องใช้และเครื่องประดับ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่ายุคหิน อาศัยอยู่ร่วมกันเป็นชุมชนขนาดใหญ่ขึ้น รู้จักปลูกข้าวและเลี้ยงสัตว์ ยุคเหล็ก (2,500 – 1,500 ปีมาแล้ว) เป็นช่วงเวลาที่มนุษย์รู้จักนำเหล็กมาทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ ซึ่งมีคุณภาพดีแข็งแกร่งกว่าสำริด การดำรงชีวิตด้วยการเกษตรกรรม มีการติดต่อค้าขายระหว่างชุมชนต่าง
สมัยประวัติศาสตร์ การเเบ่งช่วงเวลาเเบบ ตามตำราที่ถูกต้องเป็นอย่างไร
สมัยประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์นอกตํารา เป็นยุคสมัยที่มนุษย์รู้จักการประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นมาใช้แล้ว โดยได้มีการบันทึกเรื่องราวเหตุการณ์ต่าง ๆ ในยุคสมัยนั้นเป็นลายลักษณ์อักษร มักพบอยู่ตาม ผนังถ้ำ แผ่นดินเหนียว แผ่นหิน ใบลาน และแผ่นโลหะ ชุมชนของมนุษย์ในภูมิภาคต่างๆ ก้าวเข้าสู่สมัยประวัติศาสตร์ ในระยะเวลาไม่เท่ากัน เนื่องด้วยความสามารถของมนุษย์ในการสร้างสรรค์อารยธรรมความเจริญที่แตกต่างกัน ดังนั้น สมัยประวัติศาสตร์ในทางสากล จึงแบ่งเป็น 3 ยุคย่อยๆ ดังนี้
1.ประวัติศาสตร์สมัยโบราณ เริ่มตั้งแต่ความเจริญของแหล่งอารยธรรม เมโสโปเตเมีย อารยธรรมอียิปต์โบราณ และอารยธรรมกรีก โรมัน จนกระทั่งสิ้นสุดลงเมื่อกรุงโรม ซึ่งเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิถูกตีแตกโดยพวกอนารยชนในปี พ.ศ.1019
2.ประวัติศาสตร์สมัยกลาง เริ่มภายหลังจากที่กรุงโรม (จักรวรรดิโรมันตะวันตก)ถูกพวกอนารยชนตีแตกในปี พ.ศ.1019 จนกระทั่งในปี พ.ศ.1996 สมัยกลางจึงสิ้นสุดลง เมื่อชนชาติเติร์ก ที่นับถือศาสนาอิสลามเข้าโจมตีกรุงคอนสแตนติโนเปิล(จักรวรรดิโรมันตะวันออก)
3.ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ประวัติศาสตร์มีความสาคัญ เริ่มภายหลังจากที่กรุงคอนสแตนติโนเปิลถูกตีแตก ประวัติศาสตร์ทั่วโลก เมื่อปี พ.ศ.1996 เป็นต้นมา จนกระทั้งสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ.2488 มีเหตุการณ์สำคัญในยุคประวัติศาสตร์สมัยใหม่หลายประการ เช่น การปฏิรูปศาสนา การเกิดลัทธิหรือแนวความคิดแบบเสรีนิยม ประชาธิปไตยและคอมมิวนิสต์ ทางด้านเศรษฐกิจ มีการขยายตัวทางการค้าทางเรือสำเภา การแสวงหาดินแดนใหม่และปฏิวัติอุตสาหกรรม